อำเภอพระประแดง

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
อำเภอพระประแดง
การถอดเสียงอักษรโรมัน
 • อักษรโรมันAmphoe Phra Pradaeng
สะพานกาญจนาภิเษก
คำขวัญ: 
ป้อมแผลงไฟฟ้า ราชานุสาวรีย์ ประเพณีสงกรานต์ หมู่บ้านชาวมอญ สวนศรีนครเขื่อนขันธ์ งามตระการวัดหลวง มะม่วงน้ำดอกไม้ ติดใจข้าวเม่าทอด สุดยอดกะละแม
แผนที่จังหวัดสมุทรปราการ เน้นอำเภอพระประแดง
แผนที่จังหวัดสมุทรปราการ เน้นอำเภอพระประแดง
พิกัด: 13°39′30″N 100°32′2″E / 13.65833°N 100.53389°E / 13.65833; 100.53389
ประเทศ ไทย
จังหวัดสมุทรปราการ
พื้นที่
 • ทั้งหมด73.370 ตร.กม. (28.328 ตร.ไมล์)
ประชากร
 (2564)
 • ทั้งหมด187,027 คน
 • ความหนาแน่น2,549.09 คน/ตร.กม. (6,602.1 คน/ตร.ไมล์)
รหัสไปรษณีย์ 10130
รหัสภูมิศาสตร์1104
ที่ตั้งที่ว่าการที่ว่าการอำเภอพระประแดง ถนนนครเขื่อนขันธ์ ตำบลตลาด อำเภอพระประแดง จังหวัดสมุทรปราการ 10130
สารานุกรมประเทศไทย ส่วนหนึ่งของสารานุกรมประเทศไทย

พระประแดง เป็นอำเภอที่มีขนาดพื้นที่เล็กที่สุดในจังหวัดสมุทรปราการ ในอดีตมีฐานะเป็นศูนย์กลางของจังหวัดพระประแดง แต่ต่อมาถูกยุบรวมเข้ากับจังหวัดสมุทรปราการดังเช่นปัจจุบัน

ที่มาของชื่อ

คำว่า "พระประแดง" บ้างว่ามาจากคำว่า "ประแดง" หรือ "บาแดง" แปลว่า คนเดินหมายหรือ คนนำข่าวสาร แต่เดิมเมืองพระประแดงเป็นเมืองหน้าด่านเมื่อมีเหตุการณ์ใด ๆ เกิดขึ้น จะต้องแจ้งข่าวสารไปให้เมืองหลวง (ละโว้) ทราบโดยเร็ว[1]

ส่วนจิตร ภูมิศักดิ์ อธิบายว่า "พระประแดง" มาจากชื่อ "พระแผดง" ซึ่งเป็นชื่อเทวรูปสำคัญที่ขุดพบสององค์ที่คลองสำโรงต่อคลองทับนางเมื่อปี พ.ศ. 2061 ซึ่งคำว่า "แผดง" มาจากคำเขมรว่า "เผฺดง" ផ្ដេង ที่ใช้เรียกเทวรูปหรือตำแหน่งยศขุนนาง โดยเชื่อว่าชื่อเมืองน่าจะเรียกตามศาลพระแผดงที่พวกขอมเคยสร้างไว้[2]

ส่วนรุ่งโรจน์ ภิรมย์อนุกูล สันนิษฐานว่า "พระประแดง" มาจากคำว่า "กมรเตง" ที่หมายถึงเทวรูปศักดิ์สิทธิ์สององค์ดังกล่าว[3]

ประวัติศาสตร์

พระประแดงเดิมตรงคลองเตย

1
2
แผนที่โดยเอ็งเงิลแบร์ท เค็มพ์เฟอร์ พ.ศ. 2223
1
ตำแหน่งพระประแดง (เดิม) บริเวณท่าเรือคลองเตย
2
ตำแหน่งนิวอัมสเตอร์ดัม ปากคลองบางปลากด

สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ วินิจฉัยว่า พระประแดงเป็นเมืองโบราณสมัยขอมมีชื่อเรียกว่า "พระประแดง" แต่ประเด็นนี้ก็พิสูจน์ได้ยาก[4]

ตำแหน่งที่ตั้งเมืองพระประแดงเดิม ปัจจุบันตั้งอยู่ในบริเวณท่าเรือคลองเตย กรุงเทพมหานคร[3] เหตุผลที่สนับสนุนที่ตั้งเดิมนี้ คือ มีปรากฏในจดหมายเหตุเอ็งเงิลแบร์ท เค็มพ์เฟอร์ ได้ลงตำแหน่งเมืองพระประแดง (Prapedain) อยู่บริเวณคุ้งแม่น้ำตรงบริเวณคลองเตยในปัจจุบัน[5] และในโคลงนิราศชุมพรแต่งโดยพระพิพิธสาลี ซึ่งเชื่อว่าท่านมีอายุอยู่ในช่วงรัชกาลที่ 1 เมื่อท่านได้ล่องเรือผ่านช่องนนทรี จากนั้นถึงบางเตยซึ่งก็คือตำแหน่งคลองเตยในปัจจุบัน แล้วจึงกล่าวถึงศาลพระแผดง (ศาลพระประแดง) แล้วจึงเป็นพระโขนง[6]

โคลงนิราศพระยาตรังผลงานพระยาตรังได้แต่งขึ้นในต้นกรุงรัตนโกสินทร์ ในโคลงบทที่ 29 ถึงช่องนนทรี แล้วกล่าวถึงศาลพระแผดงและในโคลงบทที่ 31 กล่าวถึงบางขนง (พระโขนง) และในนิราศเมืองแกลงของสุนทรภู่ แต่งขึ้นในรัชกาลที่ 1 เมื่อท่านผ่านบริเวณบ้านบางระจ้าวหรือบางกะเจ้าในปัจจุบัน แล้วเอ่ยถึงศาลพระประแดง[7]

เอกสารที่เกี่ยวข้องกับเมืองพระประแดงปรากฏครั้งแรกในพระราชพงศาวดารฉบับพระจักรพรรดิพงษ์ (จาด) พ.ศ. 2040 แผ่นดินสมเด็จพระรามาธิบดีที่ 2 ว่า

... ขณะนั้นคลองสำโรงที่จะไปคลองศีรษะจระเข้ คลองทับนางจะไปปากน้ำ เจ้าพญาตื้น เรือใหญ่จะเดินไปมาขัดสน จึงให้ชำระขุดได้รูปเทพารักษ์ 2 องค์หล่อด้วยสัมฤทธิ จารึกองค์หนึ่งชื่อพญาแสนตา องค์หนึ่งชื่อบาทสังฆกรในที่ร่วมคลองสำรงกับคลองทับนางต่อกัน จึงให้พลีกรรมแล้วออกมาปลูกศาลเชิญขึ้นประดิษฐานไว้ ณ เมืองพระประแดง ...

[8]

ขณะที่ในกำสรวลสมุทรในบทที่ 71 ซึ่งเป็นวรรณคดีอยุธยายุคต้น (พ. ณ ประมวญมารค สันนิษฐานว่าแต่งระหว่าง พ.ศ. 2025–2034) ไม่กล่าวถึงพระประแดงเลย[9] จึงสันนิษฐานว่าเมื่อครั้งที่ประพันธ์กำสรวลสมุทรบริเวณเมืองพระประแดงยังไม่น่ามี ทำให้ข้อสันนิษฐานว่าพระประแดงมีมาตั้งแต่สมัยขอมดูยังไม่หนักแน่น[4] เมืองพระประแดงยังเคยใช้เป็นที่รับรองราชทูต ดังปรากฏหลักฐานในบันทึกบาทหลวงตาชาร์ด ที่เดิน ทางเข้ามายังกรุงศรีอยุธยาเมื่อ พ.ศ. 2228[10] แต่อย่างไรก็ตามเมืองพระประแดงในสมัยอยุธยาไม่น่าที่จะมีบทบาทสูงมาก เพราะเมืองที่มีบทบาทและความสำคัญสูงในบริเวณปากน้ำ คือเมืองธนบุรี ดังจะเห็นได้จากมีการก่อป้อมขนาดใหญ่ที่เมืองธนบุรี รวมถึงในแผ่นดินสมเด็จพระเจ้าท้ายสระที่เจ้าเมืองธนบุรีเป็นแม่กองเกณฑ์หัวเมืองขุดคลองเกร็ดน้อย และยังมีส่วนช่วยเจ้าฟ้าอภัยชิงราชสมบัติ[11]

ปากพระประแดง

เมืองพระประแดงในรัชกาลสมเด็จพระเจ้าบรมโกศได้เลื่อนมาลงอยู่ที่บริเวณอำเภอเมืองสมุทรปราการ จังหวัดสมุทรปราการ ส่วนจะเลื่อนลงมาเมื่อใดไม่ทราบ และเมื่อเมืองพระประแดงมาอยู่ตำแหน่งใกล้กับแม่น้ำเจ้าพระยา จึงทำให้ในเอกสารเรียกแม่น้ำ เจ้าพระยาช่วงนี้ว่า ปากพระประแดง

จากจดหมายเหตุพระอุบาลีไปลังกาทวีปครั้งแผ่นดินสมเด็จพระเจ้าบรมโกศ พ.ศ. 2295 กล่าวว่า

... ลงไปถึงตึกวิลันดา ณ บางปลากด ณ วันอังคาร เดือนยี่ ขึ้น 6 ค่ำ เพลาเช้า 3 โมง แลมรติงนายกำปั่น ให้ทอดบรรทุกฝาง 6 วัน ณ วันอังคาร เดือนยี่ขึ้น 12 ค่ำ ถึงเมืองพระประแดง...

[12] จากข้อความดังกล่าว ระบุว่าเมืองพระประแดงอยู่ใต้คลองบางปลากด สอดคล้องกับพระราชสาส์นไปเมืองจีนครั้งกรุงธนบุรีที่ชี้ว่า เมืองพระประแดงเป็นเมืองสุดท้ายก่อนออกทะเลและใกล้กับแหลมฟ้าผ่า พระราชพงศาวดารธนบุรีฉบับจันทนุมาศ (เจิม) ซึ่งชำระในต้นรัชกาลที่ 1 กล่าวว่า เมื่อ พ.ศ. 2311 ว่า

... วันจันทร์ แรมสิบสี่ค่ำ เดือนสาม มีข้อราชการเมืองกัมพูชาธิบดีเมืองปากน้ำ พุทไธมาศบอกเข้ามา จึงทรงพระกรุณาให้พระกรมท่าไปทำค่ายปากน้ำ พระประแดง ท่าจีน แม่กลอง...

[13]

จากหลักฐานทั้งหมดชี้ให้เห็นว่าเมืองพระประแดงในช่วงแผ่นดินสมเด็จพระเจ้าบรมโกศอยู่ใกล้กับปากแม่น้ำเจ้าพระยามาก อีกทั้งเอกสารในช่วงนี้เรียกแม่น้ำเจ้าพระยาช่วงนี้ว่า ปากพระประแดง และยังแสดงให้เห็นได้ว่า ในช่วงระยะต้นสมัยธนบุรีบริเวณคลองเตยไม่ใช่ปากแม่น้ำแล้ว เพราะปากน้ำอยู่ใต้เมืองสมุทรปราการปัจจุบัน เมืองพระประแดงที่คลองเตยเริ่มหมดความสำคัญลง ประกอบกับมีประชากรที่เบาบางเพราะผลกระทบของสงครามเสียกรุงครั้งที่ 2 (พ.ศ. 2310) จึงส่งผลให้ในปี พ.ศ. 2314 มีการรื้อเอาอิฐกำแพงเก่าเมืองพระประแดงมาก่อกำแพงและป้อมที่ธนบุรี[14]

พระราชพงศาวดารฉบับบริติชมิวเซียม กล่าวถึง ปี จ.ศ. 1169 (พ.ศ. 2350) ว่า สมเด็จกรมพระราชวังบวรฯ ทูลเกล้าถวายพระราชพงศาวดาร เนื้อหาในพระราชพงศาวดารฉบับนี้ได้กล่าวถึง ปากน้ำพระประแดง ในสมเด็จพระบรมโกศ (พ.ศ. 2275–2301) ว่า

บางทีลงที่นั่งใหญ่ ใช้ใบล่องออกปากน้ำ พระประแดง ชมชเลและมัจฉา

[15]

เมืองนครเขื่อนขันธ์

จิตรกรรมฝาผนังวัดป่าเกด เป็นภาพวิถีชีวิตชาวมอญ วัดนี้สร้างในสมัยรัชกาลที่ 2
ป้อมแผลงไฟฟ้า สร้างในสมัยพระพุทธเลิศหล้านภาลัย เมื่อ พ.ศ. 2357

เนื่องจากได้ย้ายเมืองหลวงมาที่กรุงเทพ ซึ่งลงใกล้ปากน้ำมากขึ้น ขณะเดียวกันเมืองรายทางจากปากน้ำมาถึงกรุงเทพมีเพียงเมืองเดียวคือ สมุทรปราการ ซึ่งได้สร้างความกังวลเรื่องรับศึกทางทะเล ดังนั้นสมเด็จกรมพระราชวังบวรมหาสุรสิงหนาทจึงได้กราบบังคมทูลขอสร้างเมืองขึ้นที่ปากลัด เนื่องจากมีที่ตั้งเป็นจุดยุทธศาสตร์ใหญ่เหมาะแก่การตั้งป้อมปืนใหญ่และสามารถควบคุมเส้นทางบริเวณปากคลองลัดโพธิ์ได้ แต่ยังไม่สำเร็จเนื่องจากเกิดศึกกับพม่าก่อน

จนในสมัยพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย โปรดเกล้าฯ ให้สมเด็จพระบวรราชเจ้ามหาเสนานุรักษ์ลงไปทำเมืองที่บริเวณปากลัด ตัดเอาแขวงกรุงเทพมหานครและแขวงเมืองสมุทรปราการ พระราชทานชื่อเมืองว่า นครเขื่อนขันธ์[16] ตำแหน่งของเมืองนครเขื่อนขันธ์ตั้งอยู่ระหว่างคลองลัดโพธิ์กับคลองลัดหลวง[17] จน พ.ศ. 2358 จึงให้มีการพระราชพิธีฝังอาถรรพณ์ยกเสาประตูตั้งป้อมที่ปากลัด[18]

เมื่อแรกสถาปนานครเขื่อนขันธ์โปรดเกล้าฯ ให้มอญพวกเจ้าพระยามหาโยธา (เจ่ง คชเสนี) มาเป็นพลประจำเมือง ในปีรุ่งขึ้นมอญจากเมาะตะมะอพยพเข้ามา 3 ทาง คือ กาญจนบุรี อุทัยธานี และตาก เข้ามาสมทบที่นครเขื่อนขันธ์[19] เมื่อแรกสถาปนาเมือง ยังไม่ปรากฏในพระไอยการนาทหารพลเรือนในกฎหมายตราสามดวงว่าเมืองแห่งนี้น่าจำสังกัดกับกรมใด แต่สมเด็จพระบวรราชเจ้ามหาเสนานุรักษ์ ทรงมากำกับการก่อสร้าง เมื่อพระองค์ทิวงคต สมเด็จพระบวรราชเจ้ามหาศักดิพลเสพเมื่อสถาปนาขึ้นเป็นสมเด็จกรมพระราชวังบวรในรัชกาลที่ 3 และพระองค์ก็น่าจะได้กำกับเมืองนครเขื่อนขันธ์ถึงเสด็จทิวงคต จากนั้นสันนิษฐานว่าหม่อมไกรสรได้กำกับเมืองนครเขื่อนขันธ์ต่อเพราะเมื่อ พ.ศ. 2385 โปรดเกล้าฯ ให้หม่อมไกรสรไปกำกับเลกทำอิฐสร้างเมือง[20] อีกทั้งยังมีหลักฐานว่าหม่อมไกรสรเป็นผู้รับสนองพระบรมราชโองการตั้งเจ้าเมืองนครเขื่อนขันธ์[21] รวมถึงเรื่องที่ท่านถูกกล่าวโทษว่าทำตัวเทียมพระเจ้าอยู่หัวก็เกิดขึ้นที่นครเขื่อนขันธ์[22]

ต่อมาในสมัยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เซอร์จอห์น เบาว์ริง ได้เข้ามาสนธิสัญญา กล่าวไว้ใน ราชอาณาจักรและราษฎรสยาม เมื่อท่านผ่านบริเวณนครเขื่อนขันธ์ ซึ่งท่านเรียกว่า ปากลัด และได้กล่าวถึงป้อมที่ปากลัดว่ามีป้อมอยู่ 2 ฟากแม่น้ำ ที่ฝั่งซ้ายของแม่น้ำ มีโซ่ขวางแม่น้ำ เป็นโซ่เหล็กและเสาไม้ขนาดใหญ่มิให้เรือรบแล่นทวนขึ้นกรุงเทพได้ ป้อมมีทหารจำนวนไม่มาก นอกจากนั้นยังระบุว่า เมืองปากลัดเป็นเมืองที่ส่งฟืนเข้ามากรุงเทพและยังระบุว่าประชากรในเมืองนี้เป็นมอญ[23] ในสมัยรัชกาลที่ 4 เมืองนครเขื่อนขันธ์ขึ้นกับกรมกลาโหม[24] โดยเจ้าพระยาศรีสุริยวงศ์ (ช่วง) สมุหกลาโหมมีหน้าที่ดูแลเมืองนครเขื่อนขันธ์ ขณะที่บิดา สมเด็จเจ้าพระยาบรมมหาประยูรวงศ์ (ดิศ บุนนาค) กำกับเมืองสมุทรปราการ

ต่อมาในสมัยรัชกาลที่ 5 ไปขึ้นกับกระทรวงมหาดไทย จากนั้นวันที่ 27 มกราคม พ.ศ. 2437 กระทรวงนครบาลกำกับ

ครั้นในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระมงกุฏเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้มีการเปลี่ยนชื่อเมืองนครเขื่อนขันธ์เป็นเมืองพระประแดง[3]

การเปลี่ยนแปลงเขตการปกครอง

ตรงนี้เป็นประวัติศาสตร์รายปี

  • พ.ศ. 2464 ตั้งจังหวัดพระประแดง
  • วันที่ 21 สิงหาคม 2470 แก้ไขเขตจังหวัดพระนคร จังหวัดสมุทรปราการ และจังหวัดพระนคร (1,2)[25]
    • (1) โอนพื้นที่ตำบลช่องนนทรี ตำบลบางโพงพาง ของอำเภอพระประแดง ไปขึ้นอำเภอพระโขนง และโอนอำเภอพระโขนง จังหวัดพระประแดง มาขึ้นกับจังหวัดพระนคร เป็น อำเภอพระโขนง จังหวัดพระโขนง
    • (2) โอนพื้นที่ตำบลบางนา ตำบลสำโรงเหนือ ตำบลสำโรงใต้ ตำบลบางหญ้าแพรก ตำบลบางหัวเสือ ของอำเภอพระประแดงจังหวัดพระประแดง มาขึ้นกับอำเภอสมุทรปราการ จังหวัดสมุทรปราการ
  • พ.ศ. 2475 ยุบจังหวัดพระประแดง ทำให้อำเภอพระประแดง ขึ้นกับจังหวัดสมุทรปราการ
  • วันที่ 15 มีนาคม 2480 จัดตั้งเทศบาลเมืองพระประแดง ในท้องที่บางส่วนของตำบลเชียงใหม่ ตำบลทรงคนอง และตำบลตลาด (ในปัจจุบันรวมกันเป็นตำบลตลาด)[26]
  • วันที่ 1 มกราคม 2486 จังหวัดสมุทรปราการได้ยุบลงเนื่องจากขณะนั้นในช่วง สงครามโลกครั้งที่ 2 ซึ่งก่อให้เกิดปัญหาสภาวะเศรษฐกิจตกต่ำ อำเภอพระประแดง จึงย้ายไปขึ้นกับจังหวัดพระนคร
  • วันที่ 10 พฤษภาคม 2489 ตั้งจังหวัดสมุทรปราการ ขึ้นมาอีกครั้งหนึ่ง จึงทำให้อำเภอพระประแดง กลับมาขึ้นกับจังหวัดสมุทรปราการ เหมือนเดิม[27]
  • วันที่ 20 กันยายน 2505 ตั้งตำบลบางกระสอบ แยกออกจากตำบลบางน้ำผึ้ง และตำบลทรงคนอง[28]
  • วันที่ 22 สิงหาคม 2506 จัดตั้งสุขาภิบาลพระประแดง ในท้องที่ตำบลบางพึ่ง ตำบลบางครุ ตำบลบางจาก ตำบลบางหญ้าแพรก ตำบลบางหัวเสือ และตำบลสำโรงใต้[29]
  • วันที่ 6 พฤศจิกายน 2531 ตั้งตำบลสำโรง แยกออกจากตำบลสำโรงใต้[30]
  • วันที่ 1 กรกฎาคม 2533 ตั้งตำบลสำโรงกลาง แยกออกจากตำบลสำโรงใต้ [31]
  • วันที่ 13 มีนาคม 2535 เปลี่ยนแปลงเขตสุขาภิบาลพระประแดง ใหม่ โดยให้ สุขาภิบาลพระประแดง ครอบคลุมในท้องที่ตำบลบางพึ่ง ตำบลบางครุ และตำบลบางจาก และ ให้จัดตั้งสุขาภิบาลสำโรงใต้ ในท้องที่ ตำบลบางหญ้าแพรก ตำบลบางหัวเสือ ตำบลสำโรงใต้ ตำบลสำโรงกลาง และตำบลสำโรง[32]
  • วันที่ 24 เมษายน 2537 จัดตั้งเทศบาลตำบลลัดหลวง โดย ยกฐานะจากสุขาภิบาลพระประแดง[33]
  • วันที่ 16 มีนาคม 2540 จัดตั้งเทศบาลตำบลสำโรงใต้ โดย ยกฐานะจากสุขาภิบาลสำโรงใต้ [34]
  • วันที่ 21 กันยายน 2545 จัดตั้งเทศบาลเมืองลัดหลวง โดย ยกฐานะจากเทศบาลตำบลลัดหลวง[35]
  • วันที่ 20 สิงหาคม 2552 ยกฐานะจากเทศบาลตำบลสำโรงใต้ เป็น เทศบาลเมืองสำโรงใต้ [36]
  • วันที่ 17 กันยายน 2553 เปลี่ยนชื่อเทศบาลเมืองสำโรงใต้ เป็น เทศบาลเมืองปู่เจ้าสมิงพราย [37]

ที่ตั้งและอาณาเขต

ตั้งอยู่ทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือของจังหวัด

การแบ่งเขตการปกครอง

การปกครองส่วนภูมิภาค

อำเภอพระประแดงแบ่งเขตการปกครองย่อยเป็น 15 ตำบล แต่ละตำบลแบ่งออกเป็นหมู่บ้าน รวม 67 หมู่บ้าน ได้แก่

ลำดับอักษรไทยอักษรโรมันจำนวนหมู่บ้านจำนวนประชากร
(ธันวาคม 2565)[38]
1.ตลาดTalat
8,454
2.บางพึ่งBang Phueng
22,498
3.บางจากBang Chak
21,404
4.บางครุBang Khru
24,126
5.บางหญ้าแพรกBang Ya Phraek
19,357
6.บางหัวเสือBang Hua Suea
12,683
7.สำโรงใต้Samrong Tai
10,896
8.บางยอBang Yo
11,108
9.บางกะเจ้าBang Kachao
9
4,983
10.บางน้ำผึ้งBang Namphueng
11
5,096
11.บางกระสอบBang Krasop
11
2,642
12.บางกอบัวBang Ko Bua
13
6,865
13.ทรงคนองSong Khanong
13
7,270
14.สำโรงSamrong
10
15,731
15.สำโรงกลางSamrong Klang
10
10,711

การปกครองส่วนท้องถิ่น

อำเภอพระประแดงประกอบด้วยองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น 9 แห่ง ได้แก่

  • เทศบาลเมืองพระประแดง ครอบคลุมพื้นที่ตำบลตลาดทั้งตำบล
  • เทศบาลเมืองลัดหลวง ครอบคลุมพื้นที่ตำบลบางพึ่ง ตำบลบางจาก และตำบลบางครุทั้งตำบล
  • เทศบาลเมืองปู่เจ้าสมิงพราย ครอบคลุมพื้นที่ตำบลบางหญ้าแพรก ตำบลบางหัวเสือ ตำบลสำโรงใต้ ตำบลสำโรง และตำบลสำโรงกลางทั้งตำบล
  • องค์การบริหารส่วนตำบลบางยอ ครอบคลุมพื้นที่ตำบลบางยอทั้งตำบล
  • องค์การบริหารส่วนตำบลบางกะเจ้า ครอบคลุมพื้นที่ตำบลบางกะเจ้าทั้งตำบล
  • องค์การบริหารส่วนตำบลบางน้ำผึ้ง ครอบคลุมพื้นที่ตำบลบางน้ำผึ้งทั้งตำบล
  • องค์การบริหารส่วนตำบลบางกระสอบ ครอบคลุมพื้นที่ตำบลบางกระสอบทั้งตำบล
  • องค์การบริหารส่วนตำบลบางกอบัว ครอบคลุมพื้นที่ตำบลบางกอบัวทั้งตำบล
  • องค์การบริหารส่วนตำบลทรงคนอง ครอบคลุมพื้นที่ตำบลทรงคนองทั้งตำบล

การคมนาคม

อำเภอพระประแดงมีถนนสายหลัก ได้แก่

นอกจากนี้ยังมีสะพานข้ามแม่น้ำเจ้าพระยา 2 แห่ง

สำหรับการคมนาคมในแม่น้ำเจ้าพระยา ได้แก่ แพขนานยนต์ และ เรือโดยสารข้ามฟาก ของ ห้างหุ้นส่วนจำกัด เภตรา และ บริษัท นาวาสมุทร จำกัด เรือโดยสารข้ามฟาก และ เรือหางยาวบริเวณวัดบางน้ำผึ้งนอก (ฝั่งตรงข้ามกับวัดบางนานอก เขตบางนา กรุงเทพมหานคร) เรือหางยาวบริเวณปลายถนนเพชรหึงษ์ (ฝั่งตรงข้ามกับท่าเรือกรุงเทพ เขตคลองเตย กรุงเทพมหานคร)

สะพานภูมิพล 1 (ขวา) และสะพานภูมิพล 2 (ซ้าย) ขวามือเป็น ประตูระบายน้ำคลองลัดโพธิ์

สถานที่ท่องเที่ยว

ป้อมแผลงไฟฟ้า
ป้อมแผลงไฟฟ้า

ประเพณี

ประเพณีแห่หงส์ ธงตะขาบ

ประเพณีแห่หงส์ ธงตะขาบ กำเนิดขึ้นใน จ.สมุทรปราการ ชาวพระประแดง (มอญปาก-ลัด) ปกติมักมีขึ้นในช่วงเวลา วันที่ 13 เมษายนของทุกปี หรือวันสงกรานต์ ความเป็นมาหรือสาระสำคัญของประเพณีไทยแห่หงส์ ธงตะขาบ ก็เพื่อเป็นการระลึกถึง และเป็นการบูชา รวมไปถึงการเฉลิมฉลองให้กับครั้งที่พระพุทธเจ้าเสด็จกลับลงจากชั้นภพดาวดึงส์ เป็นการถือปฏิบัติสืบทอดกันมาจนปัจจุบันนี้ โดยการร่วมงานเฉลิมฉลองประเพณีไทยนี้ ผู้คนต่าง ๆ มักจะนำเสาหงส์ และ ธงตะขาบ มาใช้คู่กัน

สถานศึกษา

สถานศึกษาระดับมัธยมศึกษาสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา เขต 6

สถานศึกษาระบบเอกชน

บุคคลที่มีชื่อเสียงของเมืองพระประแดง

อ้างอิง

  1. "ภาคผนวก ตามหาเมืองพระประแดงในพงศาวดาร". 3king.lib.kmutt.ac.th/. สืบค้นเมื่อ 5 December 2014.
  2. จิตร ภูมิศักดิ์. ความเป็นมาของคำสยาม, ไทย ลาว และขอม และลักษณะทางสังคมของชื่อชนชาติ. พิมพ์ครั้งที่ 6. กรุงเทพฯ : ชนนิยม, 2556, หน้า 414-415
  3. 3.0 3.1 3.2 รุ่งโรจน์ อภิรมย์อนุกูล (2556). "เมืองพระประแดง: จากคลองเตย มานครเขื่อนขันธ์จบที่อำเภอพระประแดง". ดำรงวิชาการ. สืบค้นเมื่อ 30 ธันวาคม 2557. {{cite web}}: ตรวจสอบค่าวันที่ใน: |accessdate= (help)
  4. 4.0 4.1 รุ่งโรจน์ ภิรมย์อนุกูล. "เมืองพระประแดง : จากคลองเตย มานครเขื่อนขันธ์ จบที่อำเภอพระประแดง" (PDF).
  5. E. Kaempfer, A description of the Kingdom of Siam (Bangkok: Orchid Press, 1998), 77.
  6. พระพิพิธสาลี, โคลงนิราศชุมพร โคลงนิราศพระพิพิธสาลี (กรุงเทพฯ: กรมศิลปากร, 2542), 74–75.
  7. สุนทรภู่, นิราศเมืองแกลง ชีวิตและงานของสุนทรภู่ (กรุงเทพฯ: องค์การค้าคุรุสภา, 2534), 62.
  8. พระราชพงศาวดารกรุงศรีอยุธยา ฉบับพระจักรพรรดิพงษ์ (จาด) (กรุงเทพฯ: กรมศิลปากร, 2533), 18. พระราชพงศาวดารฉบับนี้ ศ.ดร.นิธิ เอียวศรีวงศ์ สันนิษฐานว่าเป็นพระราชพงศาวดารที่ชำระในสมัยราชวงศ์บ้านพลูหลวง
  9. มานิต วัลลิโภดม, "ตามเรือใบขทิงทอง" กำสรวลสมุทรศรีปราชญ์ นิราศนรินทร์ (กรุงเทพฯ: แพร่พิทยา , 2502), 521–522.
  10. บาทหลวงตาชาร์ด, จดหมายเหตุการเดินทางสู่ประเทศสยาม, แปลโดย สันต์ ท. โกมลบุตร (กรุงเทพฯ: กรมศิลปากร, 2528), 29.
  11. พระราชพงศาวดารฉบับพระราชหัตถเลขา เล่ม 2 (กรุงเทพฯ: โอเดียน สโตร์ , 2505), 195–204.
  12. สมเด็จฯ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ, เรื่องประดิษฐานพระสงฆ์สยามวงศ์ในลังกาทวีป (กรุงเทพฯ: กรมศิลปากร, 2531 ที่ระลึกสมโภชหิรัณยบัฎ พระธรรมปัญญาบดี 24 เมษายน 2531), 92.
  13. พระราชพงศาวดารกรุงธนบุรี ฉบับพันจันทนุมาศ (เจิม) ประชุมพงศาวดาร ภาคที่ 65 (กรุงเทพฯ: กรมศิลปากร , 2503), 28. พิมพ์เป็นอนุสรณ์ในงานฌาปนกิจศพ นางสงวน นพวงศ์ ณ อยุธยา ณ เมรุวัดมกุฏกษัตริยราม
  14. พระราชพงศาวดารฉบับพระราชหัตถเลขา เล่ม 2, 346
  15. พระราชพงศาวดารกรุงสยาม จากต้นฉบับของบริติชมิวเซียมกรุงลอนดอน ประชุม พงศาวดารภาคที่ 82 (กรุงเทพฯ: กรมศิลปากร, 2537), 319.
  16. เจ้าพระยาทิพากรวงศ์, พระราชพงศาวดารกรุงรัตนโกสินทร์ รัชกาลที่ 2, ชำระโดย นฤมล ธีรวัฒน์ , (กรุงเทพฯ: สำนักพิมพ์อมรินทร์, 2548), 49.
  17. วลัยลักษณ์ ทรงศิริ. "จากปากน้ำถึงสมุทรปราการ เมืองหน้าด่านชายทะเล". มูลนิธิเล็ก-ประไพ วิริยะพันธุ์. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2021-07-22. สืบค้นเมื่อ 2022-06-10.
  18. ประชุมหมายรับสั่งภาคที่ 3 (กรุงเทพฯ: คณะกรรมการชำประวัติศาสตร์, 2528) , 79–85.
  19. เจ้าพระยาทิพากรวงศ์, พระราชพงศาวดารกรุงรัตนโกสินทร์ รัชกาลที่ 2, ชำระโดย นฤมล ธีรวัฒน์, 49,58.
  20. ประชุมหมายรับสั่งภาคที่ 4 ตอน 2 (กรุงเทพฯ: คณะกรรมการชำระประวัติศาสตร์, 2537), 86.
  21. จดหมายเหตุรัชกาลที่ 3 เล่ม 2 (กรุงเทพฯ: กรมศิลปากร, 2530), 110–111.
  22. จดหมายเหตุรัชกาลที่ 3 เล่ม 2 (กรุงเทพฯ: กรมศิลปากร, 2530), 110–111.
  23. Sir J. Boering, The Kingdom and People of Saim Vol. I (Kuala Lampu
    Oxford University Press, 1969), 22.
  24. เจ้าพระยาทิพากรวงศ์, พระราชพงศาวดารกรุงรัตนโกสินทร์ รัชกาลที่ 4 (กรุงเทพฯ:กรมศิลปากร, 2507), 223. พิมพ์เป็นอนุสรณ์ในงานฌาปนกิจศพ นางอนงค์ เฑียรฆราษ
  25. [1]พระบรมราชโองการ ประกาศ เรื่อง แก้ไขเขตจังหวัดพระนคร ธนบุรี พระประแดง สมุทรปราการ และมีนบุรีในมณฑลกรุงเทพ ฯ กับธัญบุรี ในมณฑลอยุธยา
  26. "พระราชกฤษฎีกาจัดตั้งเทศบาลเมืองพระประแดง จังหวัดสมุทรปราการ พุทธศักราช 2480" (PDF). ราชกิจจานุเบกษา. 54 (0 ก): 1878–1881. 14 มีนาคม 2480. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิม (PDF)เมื่อ 2011-11-09. สืบค้นเมื่อ 2010-05-16.
  27. "พระราชบัญญัติจัดตั้งจังหวัดสมุทรปราการ จังหวัดนนทบุรี จังหวัดสมุทรสาคร และจังหวัดนครนายก พุทธศักราช 2489" (PDF). ราชกิจจานุเบกษา. 63 (29 ก): 315–317. 9 พฤษภาคม 2489. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิม (PDF)เมื่อ 2008-04-09. สืบค้นเมื่อ 2010-05-16.
  28. "ประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง ตั้งและเปลี่ยนแปลงเขตตำบลในท้องที่อำเภอเมืองสมุทรปราการ และอำเภอพระประแดง จังหวัดสมุทรปราการ" (PDF). ราชกิจจานุเบกษา. 79 (90 ง): 2080–2084. 2 ตุลาคม 2505.
  29. "ประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง จัดตั้งสุขาภิบาลพระประแดง อำเภอพระประแดง จังหวัดสมุทรปราการ" (PDF). ราชกิจจานุเบกษา. 80 (90 ง): 2099–2101. 10 กันยายน 2506.
  30. "ประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง ตั้งและเปลี่ยนแปลงเขตตำบลในท้องที่อำเภอพระประแดง จังหวัดสมุทรปราการ" (PDF). ราชกิจจานุเบกษา. 105 (พิเศษ 234 ง): 65–68. 27 ธันวาคม 2531.
  31. "ประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง ตั้งและเปลี่ยนแปลงเขตตำบลในท้องที่อำเภอเมืองสมุทรปราการ และอำเภอพระประแดง จังหวัดสมุทรปราการ" (PDF). ราชกิจจานุเบกษา. 107 (พิเศษ 174 ง): 17–24. 16 กันยายน 2533.
  32. "ประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง เปลี่ยนแปลงเขตสุขาภิบาลพระประแดงและจัดตั้งสุขาภิบาลสำโรงใต้ อำเภอพระประแดง จังหวัดสมุทรปราการ" (PDF). ราชกิจจานุเบกษา. 109 (พิเศษ 126 ง): 85–88. 30 กันยายน 2535.
  33. "พระราชกฤษฎีกาจัดตั้งเทศบาลตำบลลัดหลวง อำเภอพระประแดง จังหวัดสมุทรปราการ พ.ศ. 2537" (PDF). ราชกิจจานุเบกษา. 111 (10 ก): 62–65. 25 มีนาคม 2537.
  34. "พระราชกฤษฎีกาจัดตั้งเทศบาลตำบลสำโรงใต้ อำเภอพระประแดง จังหวัดสมุทรปราการ พ.ศ. 2540" (PDF). ราชกิจจานุเบกษา. 114 (2 ก): 1–4. 14 กุมภาพันธ์ 2540.
  35. "พระราชกฤษฎีกาจัดตั้งเทศบาลเมืองลัดหลวง พ.ศ. 2545" (PDF). ราชกิจจานุเบกษา. 119 (93 ก): 4–6. 20 กันยายน 2545. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิม (PDF)เมื่อ 2011-11-10. สืบค้นเมื่อ 2010-05-16.
  36. "ประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง เปลี่ยนแปลงฐานะเทศบาลตำบลสำโรงใต้ อำเภอพระประแดง จังหวัดสมุทรปราการ เป็นเทศบาลเมืองสำโรงใต้" (PDF). ราชกิจจานุเบกษา. 126 (พิเศษ 145 ง): 21. 1 ตุลาคม 2552. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิม (PDF)เมื่อ 2011-11-09. สืบค้นเมื่อ 2010-05-16.
  37. "ประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง เปลี่ยนชื่อเทศบาลเมืองสำโรงใต้ อำเภอพระประแดง จังหวัดสมุทรปราการ เป็นเทศบาลเมืองปู่เจ้าสมิงพราย" (PDF). ราชกิจจานุเบกษา. 127 (พิเศษ 128 ง): 27. 5 พฤศจิกายน 2553. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิม (PDF)เมื่อ 2012-01-25. สืบค้นเมื่อ 2013-08-15.
  38. "ระบบสารสนเทศเพื่อการบริหาร". stat.bora.dopa.go.th.
0.36536979675293